"*" indicates required fields

If you would like to talk to someone about living with Jesus as your ruler, fill out the form below and we will get in contact with you.

For sales enquiries, please email [email protected]. For copyright enquiries, please email [email protected].

Name*
5 + 7 = ?*
This field is for validation purposes and should be left unchanged.
1

พระเจ้า ผู้ปกครองที่ดีและพระผู้สร้างที่ดี


พระคัมภีร์บรรยายว่าแบบนี้

ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระเจ้าของเรา พระองค์ทรงสมควรที่จะรับพระสิริ พระเกียรติและเดชานุภาพ เพราะพระองค์ได้ทรงสร้างสรรพสิ่งและโดยพระดำริของพระองค์ สิ่งเหล่านี้ได้ถูกสร้างขึ้นและเป็นอยู่ (วิวรณ์ 4:11)

รากฐานของสารแห่งคริสเตียนคือพระเจ้าเป็นผู้ปกครองที่แท้จริงและดำรงอยู่เพียงผู้เดียวเหนือทุกสิ่ง พระองค์คือองค์เจ้านายและกษัตริย์เหนือทุกสิ่งที่เป็นอยู่ พระเจ้าไม่ทุจริตและเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวเหมือนผู้ปกครองมากมายที่เป็นมนุษย์ พระองค์คือผู้ปกครองที่ดีและเปี่ยมด้วยความรักอย่างสมบูรณ์ พระองค์ดูแลและจัดเตรียมให้กับโลกอย่างใจกว้าง และพระองค์ปกครองโลกด้วยความยุติธรรม

พระเจ้าคือผู้ครอบครองเหนือทุกสิ่งเพราะพระองค์ได้สร้างทุกอย่าง พระเจ้าคือแหล่งที่มาและผู้สร้างของทุกสิ่งที่เป็นอยู่รวมถึงโลกที่ดีและงดงามที่เราอาศัยอยู่ด้วย นี่คือโลกของพระองค์ พระองค์สร้างมันขึ้นมาและพระองค์คือเจ้าของโลกนี้

พระองค์ได้สร้างเราขึ้นมาด้วย

พระเจ้าได้สร้างมนุษยชาติขึ้นมาและให้เรามีตำแหน่งพิเศษในโลกอันดีงามของพระองค์ พระองค์มอบหมายให้เราปกครอง ดูแล และรับผิดชอบโลกใบนี้ ในระหว่างนั้นก็ให้เราให้เกียรติและเชื่อฟังพระองค์ในฐานะผู้ปกครองของเรา และขอบคุณพระองค์สำหรับความใจกว้างของพระองค์

สรุป
  • พระเจ้าคือผู้ปกครองของโลกนี้
  • พระองค์ได้สร้างโลกขึ้นมา
  • พระองค์ได้สร้างเราขึ้นมาเพื่อให้ปกครองโลกอันดีงามของพระองค์โดยการขอบคุณและให้เกียรติกับพระองค์
พระเจ้าได้สร้างระบบของโลกให้เป็นไปแบบนี้ แต่มันค่อนข้างจะชัดเจนว่านี่ไม่ใช่โลกที่เราประสบพบเจออยู่ในตอนนี้เลย เกิดอะไรขึ้น?
2

การกบฏของเราต่อพระเจ้า


พระคัมภีร์บรรยายว่าแบบนี้

เราทุกคนหลงเตลิดไปเหมือนแกะ แต่ละคนหันไปตามทางของตน…(อิสยาห์ 53:6ก)

ทุกสิ่งที่ผิดปกติในชีวิตเราและในโลกล้วนเกิดจากทางเลือกที่มนุษยชาติได้ตัดสินใจซึ่งส่งผลต่ออนาคตของเรา เราไม่ต้องการให้พระเจ้าเป็นผู้ปกครองมาตั้งแต่ต้น เราปฏิเสธพระองค์ในฐานะพระเจ้าโดยการตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตในทางของตัวเองอย่างท้าทายพระองค์

เราทุกคนทำแบบนี้ในชีวิต

ส่วนใหญ่เราก็แค่ไม่สนใจพระเจ้าหรือหลีกหนีจากพระองค์แล้วใช้ชีวิตในแบบของเราไป เราไม่ได้ขอบคุณพระองค์ที่เป็นผู้สร้างและผู้จัดเตรียมที่ใจกว้างของเราอย่างที่ควร เราไม่ได้ให้เกียรติและเชื่อฟังพระองค์ในฐานะผู้ปกครองของเรา เราดำเนินตามความปรารถนาของตัวเองและสิ่งที่เราให้ความสำคัญที่สุด และเราก็ใช้ชีวิตตามค่านิยมที่เราตัดสินใจว่าดีที่สุดเอง (ไม่ว่าจะเป็นในทางศาสนา ทางโลก หรือทั้งสองอย่างรวมกัน)

คำทั่วไปที่พระคัมภีร์ใช้เรียกท่าทีที่กบฏต่อพระเจ้าแบบนี้ คือ “ความบาป” และเราทุกคนต่างก็ทำมัน ไม่ว่าเราจะดำเนินตามข้อปฏิบัติของศาสนาใดศาสนาหนึ่งหรือไม่

เราพบว่าตัวเองอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วย “พระเล็กพระน้อย” มากมาย แต่ละคนต่างก็เดินไปตามทางของตัวเอง แต่ละคนต่างก็พยายามที่จะโน้มน้าวโลกและคนอื่นๆ ให้ทำตามความปรารถนาของตัวเองอย่างเห็นแก่ตัว

แทบไม่น่าแปลกใจที่มันไม่ได้ผล การปกครองตนเองของเราล้มเหลวและเราได้รับผลที่ตามมาซึ่งรวมถึงความเสียหายที่เราทำกับตัวเอง กับคนรอบข้าง และกับโลกที่เราอาศัยอยู่ด้วย

สรุป
  • เราทุกคนปฏิเสธพระเจ้าในฐานะผู้ปกครองของเราโดยการนำชีวิตไปตามทางของตัวเอง
  • เราทำลายตัวเอง คนอื่น และโลกโดยการกบฏต่อทางของพระเจ้า
คำถามคือ พระเจ้าจะทำอะไรกับการกบฏที่เราได้ทำต่อพระองค์?
3

ความยุติธรรมของพระเจ้า


พระคัมภีร์บรรยายว่าแบบนี้

เหมือนที่มนุษย์ถูกกำหนดให้ตายครั้งเดียว หลังจากนั้นต้องพบกับการพิพากษา… (ฮีบรู 9:27)

เช่นเดียวกับผู้ปกครองที่ดี พระเจ้าใส่ใจมากพอที่จะจัดการกับการกบฏของเราอย่างจริงจัง พระองค์ถือว่าเราคือผู้รับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง เพราะการที่เราไม่ให้เกียรติพระองค์ ที่เราปฏิบัติต่อผู้อื่นไม่ดี และที่เราทำลายโลกนี้เป็นเรื่องสำคัญสำหรับพระองค์

พูดอีกอย่างคือ พระเจ้าจะไม่ปล่อยให้มีการกบฏอย่างนี้ตลอดไป เป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมที่พระองค์จะทำแบบนี้

เราประสบกับการพิพากษาที่พระเจ้ามีต่อการกบฏของเราในสภาพความเป็นจริงของความตาย ความทุกข์และความตายไม่ใช่เรื่องธรรมชาติ ความเสื่อมทราม ความทรุดโทรม และความตายที่อยู่ในโลกคือหนึ่งในการลงโทษที่พระเจ้ามีต่อมนุษย์ซึ่งปฏิเสธพระองค์

แต่เรายังต้องเผชิญกับการพิพากษาที่มากกว่านั้น วันหนึ่งเราทุกคนต้องยืนต่อหน้าพระเจ้าและถวายรายงานชีวิตของเราต่อพระองค์สำหรับในทุกๆ ความเสียหายที่เราเคยทำและสำหรับการปฏิเสธพระองค์ในฐานะผู้ปกครองอย่างเป็นส่วนตัวของเรา

คำตัดสินที่พระเจ้าจะมีต่อเราในวันนั้นเป็นสิ่งที่เราเคยร้องขอนั่นคือการแยกจากพระเจ้า พระองค์จะตัดขาดกับเราอย่างถาวร และเนื่องจากพระเจ้าเป็นแหล่งที่มาของชีวิตและทุกสิ่งที่ดีงาม การถูกตัดขาดจากพระองค์จึงหมายถึงการถูกทำลายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

การตกอยู่ภายใต้การพิพากษาของพระเจ้าเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก นี่คือภาพที่เราทุกคนจะต้องเจอ เพราะเราทุกคนล้วนมีความผิดฐานกบฏต่อพระเจ้า

สรุป
  • พระเจ้าจะไม่ปล่อยให้เรากบฏต่อพระองค์ตลอดไป
  • การลงโทษที่พระเจ้ามีสำหรับการกบฏคือความตายและการลงโทษ
เป็นเรื่องยากที่จะรับฟังสิ่งนี้ นี่หมายความว่าเราทุกคนมีปัญหาที่หนักมาก แต่มันก็ยังไม่ใช่ตอนจบ
4

พระเจ้าได้ส่งพระเยซูลงมาตายเพื่อเรา


พระคัมภีร์บรรยายว่าแบบนี้

เราทุกคนหลงเตลิดไปเหมือนแกะ แต่ละคนหันไปตามทางของตน และองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงวางความชั่วช้าของเราทุกคนไว้บนตัวเขา (อิสยาห์ 53:6)

พระเจ้ารักโลกที่พระองค์ได้สร้างขึ้นและพระองค์ก็รักเรา พระองค์ไม่ได้ทิ้งให้เราทนทุกข์อยู่กับผลแห่งการกบฏของเรา พระองค์ได้ส่งพระบุตรผู้มีธรรมชาติเป็นพระเจ้าของพระองค์ลงมาในโลกเพื่อกอบกู้เรา คือชายที่ชื่อพระเยซูคริสต์

พระเยซูไม่ได้กบฏต่อพระเจ้าเหมือนเรา พระองค์ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การปกครองของพระเจ้าโดยการถวายเกียรติและขอบพระคุณพระเจ้าและเชื่อฟังพระเจ้าในทุกเรื่องตลอดเวลา พระองค์ไม่สมควรโดนการพิพากษาของพระเจ้าเลย พระองค์ไม่สมควรตาย

แต่พระเยซูก็ตาย แม้พระองค์จะมีฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าในการรักษาคนที่เจ็บป่วยและแม้แต่ทำให้คนเป็นขึ้นจากความตาย พระเยซูก็ยอมให้ตัวเองถูกประหารบนไม้กางเขนของชาวโรมัน ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?

ข่าวดีที่ไม่ธรรมดานี่คือว่าพระเยซูตายในฐานะตัวแทนของพวกกบฏอย่างเรา พระองค์แบกการพิพากษาและการลงโทษที่เราสมควรได้รับไว้บนตัวพระองค์โดยการตายบนไม้กางเขนแทนเรา ความตายคือโทษของการกบฏและพระองค์รับเอาความตายของเรามาเป็นของพระองค์

เราไม่สมควรได้รับสิ่งเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย เราปฏิเสธพระเจ้า แต่เพราะความรักอันยิ่งใหญ่พระเจ้าจึงส่งพระบุตรของพระองค์ให้มาตายแทนเรา

สรุป
  • เพราะความรักของพระองค์ พระเจ้าจึงได้ส่งพระบุตรของพระองค์ลงมาในโลก คือชายที่ชื่อว่าพระเยซูคริสต์
  • พระเยซูใช้ชีวิตอยู่ภายใต้การปกครองของพระเจ้าตลอดเวลา
  • แต่พระเยซูมารับการลงโทษของเราโดยการตายแทนเรา
แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด
5

พระเยซู ผู้ปกครองและพระผู้ช่วยให้รอดซึ่งเป็นขึ้นจากตาย


พระคัมภีร์บรรยายว่าแบบนี้

สรรเสริญพระเจ้าพระบิดาขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าของเรา! ด้วยพระเมตตายิ่งใหญ่พระองค์ทรงให้เราทั้งหลายบังเกิดใหม่เข้าในความหวังอันยืนยงโดยการเป็นขึ้นจากตายของพระเยซูคริสต์… (1 เปโตร 1:3)

พระเจ้ายอมรับความตายของพระเยซูในฐานะค่าชดใช้เต็มขนาดเพื่อบาปของเราและได้ทำให้พระองค์เป็นขึ้นจากความตาย พระเยซูเอาชนะความตายและเป็นขึ้นจากความตายเพื่อเป็นในสิ่งที่มนุษย์ควรจะเป็นมาโดยตลอด คือผู้ปกครองโลกของพระเจ้า

ในฐานะผู้ปกครองของพระเจ้า พระเยซูได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้พิพากษาของโลกด้วย เมื่อพระเยซูกลับมาและวันแห่งการพิพากษามาถึง พระเยซูจะเป็นผู้เรียกให้เรารับผิดชอบต่อการกบฏของเราต่อพระเจ้า

แต่พระเยซูไม่ได้เป็นเพียงกษัตริย์และผู้พิพากษาที่พระเจ้าได้แต่งตั้งเท่านั้น พระองค์ยังเป็นพระผู้ช่วยให้รอดจากการพิพากษาด้วย เพราะความตายที่พระองค์ทำแทนเราตอนนี้พระองค์จึงเสนอที่จะอภัยบาปทั้งหมดให้เรา ราคาของความบาปเหล่านี้ได้ถูกจ่ายไปแล้ว เดี๋ยวนี้เราจึงสามารถเริ่มต้นใหม่กับพระเจ้าได้ ไม่ใช่ในฐานะกบฏอีกต่อไปแต่ในฐานะเพื่อนผู้จงรักภักดีที่ขอบคุณและให้เกียรติกับพระองค์

พระเจ้าได้ลงมาอยู่ในชีวิตใหม่ที่พระเยซูเสนอให้กับเรานี้โดยพระวิญญาณของพระองค์ เราจึงสามารถสัมผัสกับความเพลิดเพลินยินดีของการมีความสัมพันธ์ใหม่กับพระเจ้าได้

และเมื่อพระเยซูกลับมาพร้อมด้วยสง่าราศีทั้งสิ้นของพระองค์เราจึงสามารถมั่นใจได้อย่างเต็มที่ว่าเราจะเป็นที่ยอมรับของพระองค์ ไม่ใช่เพราะเราคู่ควร แต่เป็นเพราะพระองค์รับโทษแทนเราโดยการตายแทนเราแล้ว

สรุป
  • พระเจ้าทำให้พระเยซูฟื้นคืนชีพอีกครั้งในฐานะผู้ปกครองและผู้พิพากษาของโลก
  • พระเยซูได้เอาชนะความตาย เดี๋ยวนี้พระองค์ได้นำเอาการอภัยบาปและชีวิตใหม่มาให้ และพระองค์จะกลับมาพร้อมด้วยสง่าราศี
ถ้าอย่างนั้น เรามาถึงจุดไหนกันแล้ว? เรามาถึงจุดที่ต้องเลือกระหว่างทางสองทางของชีวิต
6

สองทางชีวิต


พระคัมภีร์บรรยายว่าแบบนี้

ผู้ใดที่เชื่อในพระบุตรก็มีชีวิตนิรันดร์ แต่ผู้ใดที่ไม่ยอมรับพระบุตรก็จะไม่ได้เห็นชีวิต เพราะพระพิโรธของพระเจ้ายังอยู่กับเขา (ยอห์น 3:36)

ทางชีวิตแรก คือการยังคงใช้ชีวิตที่กบฏต่อพระเจ้าต่อไปโดยไม่ต้องสนใจพระองค์และใช้ชีวิตในแบบที่เราต้องการ น่าเศร้าที่นี่เป็นทางเลือกที่หลายคนยังคงทำอยู่อย่างต่อเนื่อง

ผลลัพธ์ของการใช้ชีวิตในแบบนี้คือการพิพากษาอันชอบธรรมและเลี่ยงไม่ได้ของพระเจ้า ไม่เพียงแค่เราต้องทนกับผลของความเสียหายที่เกิดจากการปฏิเสธพระเจ้าในตอนนี้ แต่เรายังต้องเผชิญกับภาพอันน่าสยดสยองของการถูกตัดขาดจากพระองค์ไปชั่วนิรันดร์อีกด้วย

แต่ก็ยังมีอีกหนทางหนึ่ง หากเราหันกลับมาหาพระเจ้าและขอการอภัยโดยการไว้ใจให้พระเยซูเป็นผู้ปกครองและพระผู้ไถ่ที่ฟื้นขึ้นจากความตาย ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป

อย่างแรก พระเจ้าจะล้างกระดานใหม่ทั้งหมด พระองค์จะยอมรับความตายของพระเยซูในฐานะค่าชดใช้การกบฏที่ผิดบาปของเราและพระองค์ก็จะยกโทษให้เราทั้งหมดโดยไม่คิดมูลค่า พระองค์จะเทพระวิญญาณของพระองค์ลงมาในใจเราและมอบชีวิตใหม่ให้เราซึ่งเป็นชีวิตที่ทอดยาวผ่านความตายไปสู่ชีวิตนิรันดร์ เราจะไม่ใช่พวกกบฏอีกต่อไปแต่เป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของพระเจ้า เดี๋ยวนี้เรามีชีวิตอยู่กับพระเยซูพระบุตรพระเจ้าในฐานะผู้ปกครองของเรา

สรุป

มีเพียงสองทางในการใช้ชีวิตเท่านั้น

ทางของเรา

  • ปฏิเสธพระเจ้าในฐานะผู้ปกครองของเรา
  • ใช้ชีวิตในแบบของเรา
  • ได้รับความเสียหายจากการกบฏของเรา
  • เผชิญกับความตายและการพิพากษา

ทางใหม่ของพระเจ้า

  • ยอมจำนนต่อพระเยซูในฐานะผู้ปกครองของเรา
  • พึ่งพาในความตายและการเป็นขึ้นจากตายของพระเยซู
  • รับการอภัยบาปจากพระเจ้า
  • รับชีวิตใหม่ที่คงอยู่ตลอดไป

แล้วทางไหนที่คุณอยากใช้ชีวิต?

วิธีตอบสนอง

ถ้าหากคำตอบสำหรับคำถาม “คุณอยากใช้ชีวิตในทางไหน? ของคุณคือ “ทางของเรา” ถ้าอย่างนั้นคุณคงไม่เชื่อสารของคริสเตียนที่ระบุไว้ในใบปลิวนี้ในบางส่วนหรือไม่ก็ทั้งหมด บางทีคุณอาจไม่เชื่อว่าเราเป็นกบฏต่อพระเจ้าจริงๆ หรือพระเยซูฟื้นจากความตายจริงๆ ก็ได้

ถ้าหากเป็นเช่นนั้น โปรดคิดเรื่องนี้ให้รอบคอบและทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมก่อนที่จะไม่สนใจเรื่องนี้แล้ว เพราะเดิมพันนั้นสูงเกินกว่าที่จะปฏิเสธสารนี้ด้วยความไม่แน่ใจ บางทีคุณอาจจะอ่านเกี่ยวกับพระเยซูด้วยตัวเองในหนึ่งในหนังสือชีวประวัติของพระองค์จากพระคัมภีร์ใหม่ ได้แก่ พระกิตติคุณมัทธิว มาระโก ลูกา และยอห์น หรือบางทีคุณอาจทำสิ่งนี้พร้อมกับเพื่อนคริสเตียนของคุณก็ได้ (หากไม่มีพระคัมภีร์ คุณสามารถเข้าไปอ่านพระคัมภีร์ออนไลน์ได้ฟรีใน https://www.bible.com/th)

อย่างไรก็ตาม หากคุณรู้ดีว่าคุณคือคนที่ต่อต้านพระเจ้า อยากกลับตัวกลับใจ และเริ่มใช้ชีวิตในทางพระเจ้า คุณจะทำสิ่งนี้ได้อย่างไร?

มีสามขั้นตอนด้วยกัน คือ พูด ยอมจำนน วางใจ

1. พูดกับพระเจ้า

ขั้นแรก ที่ต้องทำคือการแค่พูดกับพระเจ้า ยอมรับกับพระองค์ว่าคุณได้กบฏต่อพระองค์และสมควรรับโทษ ให้คุณขอการอภัยจากพระองค์เนื่องจากการที่พระเยซูตายแทนคุณ ขอพระเจ้าช่วยให้คุณเปลี่ยนจากคนที่ดื้อรั้นไปเป็นคนที่อาศัยอยู่ภายใต้การปกครองของพระเยซู คุณสามารถอธิษฐานแบบนี้ได้ว่า

ข้าแต่พระเจ้า

ลูกรู้ว่าไม่คู่ควรกับการยอมรับของพระองค์ ลูกไม่คู่ควรกับของขวัญแห่งชีวิตนิรันดร์ของพระองค์เลย ลูกมีความผิดในฐานะคนที่กบฏต่อพระองค์และไม่สนใจพระองค์ ลูกขอโทษและลูกต้องการการยกโทษจากพระองค์

ขอบคุณที่ส่งพระบุตรของพระองค์ลงมาตายเพื่อลูกเพื่อที่ลูกจะได้รับการอภัย ขอบคุณพระองค์ที่พระเยซูเป็นขึ้นจากความตายเพื่อมอบชีวิตใหม่ให้กับลูก

ได้โปรดยกโทษให้ลูกและเปลี่ยนแปลงลูกเพื่อที่ลูกจะสามารถดำเนินชีวิตที่มีพระเยซูเป็นผู้ปกครองชีวิตได้ อาเมน

2. ยอมจำนนต่อพระเยซู

ขั้นที่สองเดินตามขั้นแรกอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อได้อธิษฐานตามคำอธิษฐานข้างต้นแล้วคุณจะต้องเริ่มเปลี่ยนคำอธิษฐานนี้ให้เป็นการปฏิบัติ อันที่จริงก็คือการดำเนินชีวิตที่มีพระเยซูเป็นผู้ปกครองของคุณ

จะมีหลายส่วนในชีวิตคุณที่จำเป็นต้องเปลี่ยน จะมีนิสัยดื้อรั้นเก่าๆ ที่ต้องกำจัด (เช่น ความโลภ ความโกรธ ความเห็นแก่ตัว และอื่นๆ) และจะมีนิสัยใหม่ๆ ที่ให้เกียรติกับพระเจ้าให้คุณสวมเข้าไปในชีวิตด้วย (เช่น ความใจกว้าง ความสุภาพอ่อนโยน ความรัก และความอดทน)

ขั้นตอนที่สองนี้จะยังดำเนินต่อไปตลอดชีวิตคุณแต่พระเจ้าจะอยู่กับคุณไปตลอดทาง พระองค์จะพูดกับคุณผ่านทางการอ่านพระคำของพระองค์คือพระคัมภีร์ไบเบิ้ล พระองค์จะฟังคุณและช่วยเหลือคุณอยู่เรื่อยๆ เมื่อคุณอธิษฐานต่อพระองค์ พระองค์จะเสริมกำลังคุณด้วยพระวิญญาณที่อยู่ภายในคุณเพื่อทำให้คุณเปลี่ยนแปลงและสามารถดำเนินชีวิตในทางพระองค์ได้ และพระองค์จะจัดเตรียมคริสเตียนคนอื่นๆ ให้มาหนุนใจคุณไปตลอดการเดินทางเมื่อคุณได้เจอกับพวกเขาเป็นประจำ

ขั้นตอนที่สอง คือการยอมจำนนต่อพระเยซูและการเริ่มใช้ชีวิตที่มีพระองค์เป็นผู้ปกครองชีวิตของคุณ

3. วางใจในพระเยซู

ขั้นที่สามคือกระบวนการที่ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เช่นกัน คุณต้องให้ความวางใจของคุณอยู่ถูกที่ถูกทางเสมอ

เป็นเพราะพระเยซู (และความตายกับการฟื้นคืนชีพของพระองค์) เท่านั้นคุณจึงได้รับการอภัยและรับการแก้ไขสถานะให้ถูกต้องต่อพระเจ้า คุณจะต้องกลับมาที่ขั้นตอนนี้ครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะเมื่อคุณเริ่มใช้ชีวิตในทางพระเจ้าแล้วคุณจะยังล้มเหลวและทำสิ่งที่ผิดอยู่ เราทุกคนก็เป็นแบบนี้ เราทุกคนต้องมองไปที่ความตายบนไม้กางเขนของพระเยซูอยู่เรื่อยๆ ในฐานะเหตุผลเดียวที่เราได้รับการอภัย

เราต้องไม่หยุดพึ่งพาพระองค์และในพระองค์เท่านั้น พึ่งพระองค์ในฐานะหนทางที่เราจะได้รับการยกโทษและรับชีวิตนิรันดร์


หากคุณเดินไปตามขั้นตอนเหล่านี้ คุณก็สามารถมั่นใจได้ว่าพระเจ้าได้ยกโทษให้คุณแล้วและได้มอบชีวิตใหม่ให้คุณจริงๆ

แต่หากคุณยังไม่เคยตอบสนองต่อพระเจ้าในแบบนี้เลย คุณก็สามารถมั่นใจได้เช่นกันว่าคุณยังคงอยู่ภายใต้การพิพากษาของพระองค์

ถนนเส้นนี้มีทางแยก มีเพียงสองทางให้ใช้ชีวิตเท่านั้น เป็นทางเลือกที่เราทุกคนต้องเผชิญ